แนะนำแหล่งท่องเที่ยวไทย ที่เที่ยวไทย ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ด้วยการเที่ยวเมืองไทย โดยรวบรวมข้อมูลและสถานที่ท่องเที่ยวประเทศไทย ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคนรักการท่องเที่ยวไทย

ท่องเที่ยวไทย

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ศาลเจ้าพ่อเสือ

ศาลเจ้าพ่อเสือ  
ศาลเจ้าพ่อเสือ ตั้งอยู่เลขที่ 468 ถนนตะนาว ใกล้เสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เป็นศาลเจ้าจีนแต้จิ๋วที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง คนจีนเรียกกันว่า "ตั่วเล่าเอี้ย" เป็นศาลเจ้าที่ประดิษฐาน เฮี้ยงเทียนเซียงตี่, รูปเจ้าพ่อเสือ, เจ้าพ่อกวนอู และ เจ้าแม่ทับทิม ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของทั้งชาวไทย และจีนเป็นอย่างมาก

ศาลเจ้าพ่อเสือ สร้างตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โดย ศาลเจ้าพ่อเสือ สร้างตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของจีน เทพเจ้าประจำศาล คือ เสียนเทียนซั่งตี้ หรือ เจ้าพ่อเสือ การสร้างศาลประดิษฐานรูปเสือ โดยเอากระดูกเสือบรรจุในแท่นปั้นรูปประดิษฐานบนแท่น อัญเชิญดวงวิญญาณเสือขอให้ปกปักรักษาประชาราษฎร์ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข



เจ้าพ่อเสือ มีฐานะเป็นเทพเจ้าชั้นรอง แต่ก็เป็นที่นิยมกราบไหว้ โดยเฉพาะคนที่กำลังมีคดีความ ต้องขึ้นศาล ของบูชาที่ขาดไม่ได้ คือ เนื้อหมูและไข่ และต้องลูบมันหมูใส่ปากเจ้าพ่อเสือด้วย ถือว่าถวายของต้องโฉลกจะมีโชคมีชัยได้ลาภผลพูนทวี

วิธีสักการะ
ไหว้ด้วยธูป 18 ดอก ปัก 6 กระถาง เทียนแดง 1 คู่ และพวงมาลัย 1 พวง ส่วนการสักการะเจ้าพ่อเสือ จะต้องซื้อเครื่องเซ่น ประกอบด้วย หมูสามชั้น ไข่สด และข้าวเหนียวหวาน

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ตลาดโรงเกลือ

ตลาดโรงเกลือ
ตลาดโรงเกลือ หรือ ตลาดชายแดนบ้านคลองลึกเป็นตลาดการค้าชายแดนภาคตะวันออกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ใน อ.อรัญประเทศ ใกล้กับด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ-ปอยเปต จังหวัดบันเตียนเมียนเจย ประเทศกัมพูชา

สินค้าที่ตลาดโรงเกลือกว่า 80% จะเป็นสินค้ามือสอง จำพวก เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า แว่นตา นาฬิกา เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือ สินค้าแบรนด์เนม ทั้งของแท้และของเทียม

นอกจากนี้ที่ตลาดโรงเกลือ ก็มีสินค้าจำพวก เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน จำพวก ที่นอน หมอน มุ้ง เครื่องทองเหลือง หรือแม้กระทั่ง พรม อีกด้วยค่ะ รวมทั้งอาหารสด อาหารแห้ง ที่เป็นสินค้าของไทยเอง หรือ ของทางเขมรเองก็มีให้ได้เลือกกัน แถมราคายังไม่แพงอีกด้วย

ตลาดโรงเกลือ
ด้วย ความที่ตลาดโรงเกลือนั้นมีอาณาเขตอันกว้างใหญ่ และสินค้าอันมากมาย ทำให้หลายๆ คน ไม่สามารถเดินได้รอบ ที่นี่จึงมีบริการให้เช่ารถจักรยาน และ รถมอเตอร์ไซค์ สนนราคาที่ไม่แพงเลย รถจักรยาน 20 บาท รถมอเตอร์ไซค์ 60 บาท ซึ่งร้านที่ให้บริการเช่ารถก็จะตั้งอยู่หลายจุดของลานจอดรถค่ะ และขอแนะนำให้พกอุปกรณ์ป้องกันแสงแดดไปด้วยนะคะ

อย่างไรก็ตาม นอกจากจะมาช้อปปิ้ง "ตลาดโรงเกลือ" แล้ว ระหว่างทางมาตลาดโรงเกลือยังมีสถานที่ท่องเที่ยว ให้คุณแวะเที่ยวชมอีกด้วย ทั้ง อุทยานแห่งชาติปางสีดา,ปราสาทสด๊กก๊อกธม เป็นโบราณสถานที่ใหญ่และสำคัญของจังหวัดสระแก้ว ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเสม็ด ตำบลโคกสูง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 15 และ ละลุซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดจากน้ำฝนกัดเซาะ ยุบตัวหรือพังทลายของดิน เนื่องจากสภาพดินแข็งจะคงอยู่ไม่ยุบตัวเมื่อถูกลมกัดกร่อนจึงมีลักษณะเป็น รูปต่างๆ มองคล้ายกำแพงเมืองหน้าผา

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทุ่งดอกกระเจียว ภูแลนคา จังหวัดเลย

ทุ่งดอกกระเจียว ภูแลนคา จังหวัดเลย
ทุ่งดอกกระเจียว ภูแลนคา จังหวัดเลย เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของทางภาคอีสาน ในช่วงฤดูฝนจะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวกันอย่างหนาแน่น สำหรับแหล่งท่องเที่ยวที่จะพาทุกท่านไปก็คืออุทยานแห่งชาติภูแลนคา อุทยานใหม่มีของดีซ่อนอยู่ไม่น้อยเลยครับ สำหรับเส้นทางการศึกษาธรรมชาติ สภาพป่าเป็นป่าเต็งรัง เบื้องล่างเป็นต้นหญ้าเขียวไสว ถ้ามองดูให้ดีท่านจะพบกับแมลงหลากหลายชนิด ท่านจะเดินทางตัดผืนป่าจนมาถึงหินรูปปราสาท เป็นผาหินขนาดใหญ่ นอกจากนั้นท่านจะพบกับหินรูปร่างแปลกตาอีกหลายแห่งครับ เมื่อชื่นชมกับป่าเต็งรังจนเต็มอิ่มแล้ว

ทุ่งดอกกระเจียว ภูแลนคา
ท่านก็สามารถนอนพักค้างแรมที่จุดชมวิวของทางอุทยานแห่งชาติได้ ยิ่งในยามค่ำคืนอากาศ ก็เย็นสบาย ตกเช้าตื่นมาก็พบกับสายหมอกและอากาศเย็นยามเช้า ระหว่างทางเดินลงเชิงเขาก็แวะชมทิวทัศน์ของท้องนาสีเขียวขจีสลับกับที่กำลังรอการปักดำ ท้องฟ้ายามเช้าในฤดูฝนอากาศขมุกขมัวไร้แสงเป็นวันพักผ่อนที่สบายไม่ต้องเร่งรีบ

ระหว่างทางกลับเราแวะไหว้พระและชมวัดผาเกิ้งหรือวัดชัยภูมิพิทักษ์ ซึ่งอยู่ใกล้กับทางเข้าอุทยาน จุดเด่นของอุทยานแห่งนี้ นอกจากทัศนียภาพของป่าเต็งรังที่สมบูรณ์แล้วยังมีทุ่งดอกกระเจียวบานรอบยังกับท้องทุ่งที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ติดต่ออุทยานแห่งชาติภูแลนคา 044-810902-3

การเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ใช้ทางหลวงหมายเลข1จนถึงจังหวัดสระบุรี แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ผ่านอำเภอหมวกเหล็ก จังหวัดนครราชสีมาจากนั้นแยกขวาใช้ทางหลวงหมายเลข 201 ผ่านอำเภอสีคิ้ว อำเภอจัตุรัส ถึงจังหวัดชัยภูมิ เมื่อถึงชัยภูมิใช้ทางหลวงหมายเลข 2051 ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร จะมีแยกซ้ายมือเข้าทางหลวงหมายเลข 2159 อีก 26 กิโลเมตรจะมีแยกซ้ายมือเข้าที่ทำการอุทยาน

สำหรับการเดินทางด้วยรถโดยสาร ก็มีรถหลากหลายบริษัทครับยังไงก็ไปติดต่อที่สถานีขนส่งกรุงเทพ-หมอชิตก็แล้วกัน

วันจันทร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ล่องเจ้าพระยา เลียบเกาะรัตนโกสินทร์

ล่องเจ้าพระยา เลียบเกาะรัตนโกสินทร์ 
แม่น้ำเจ้าพระยา มหานทีแห่งแผ่นดินสยาม ก่อเกิดความอุดมสมบูรณ์หล่อเลี้ยงชุมชนลุ่มน้ำลำคลองภาคกลาง และเกื้อกูลต่อการสถาปนานครหลวงของไทยถึง 3 สมัย ได้แก่ อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ความยิ่งใหญ่ของสายน้ำสมดั่งนาม "เจ้าพระยา" อันเป็นตำแหน่งทรงเกียรติสูงสุดของขุนนางสมัยอยุธยา

เส้นทางล่องเจ้าพระยา จะนำพาเราไปสัมผัสภาพอดีตที่ยังมีชีวิตของชุมชนชาวบางกอกริมแม่น้ำเจ้าพระยา จากท่าน้ำ จ.นนทบุรี ถึง ท่าน้ำวัดราชสิงขร ในสมัยอยุธยาเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายหลักจากอยุธยา สู่ปากอ่าวไทย ช่วงโค้งน้ำฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเลียบผ่านเขตกรุงรัตนโกสินทร์ชั้นใน หรือที่เรียกว่า "เกาะรัตนโกสินทร์" ซึ่งสถาปนาในรัชกาลที่ 1 พ.ศ. 2325 โดยมีพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วอันงามสง่าเป็นสัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมือง ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งของพระราชวังเดิมสมัยธนบุรี และวัดอรุณราชวราราม ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวต่างประเทศ

ล่องเจ้าพระยา เลียบเกาะรัตนโกสินทร์ 
ตลอดสายน้ำเจ้าพระยาทางนี้มีท่าเรือหลายแห่งให้แวะขึ้นไปเดินชม มีทั้งตลาดดั้งเดิมคู่กรุงเทพฯ ตลาดดอกไม้ ผักผลไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ รวมทั้งแหล่งอาหารและแหล่งจับจ่ายที่ได้สัมผัสสีสันวิถีชีวิตของคนกรุงเทพฯ ได้ตั้งแต่ย่ำรุ่งจนถึงยามค่ำคืน หรือจะชมทิวทัศน์ของสถาปัตยกรรมทางน้ำ ทั้งโบสถ์ฝรั่ง มัสยิด วังเจ้านาย บ้านโบราณของคหบดี บริษัทห้างร้านของชาวตะวันตกที่แทรกสลับด้วยอาคารสำนักงานหรูทันสมัย ที่สะท้อนการผสมผสานสองบุคลิกของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นทั้งมหานครแห่งความทันสมัยและศูนย์กลางแห่งศิลปวัฒนธรรมแห่งชาติ

สำหรับจุดลงเรือ บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา บริการทุกวันจากท่าวัดราชสิงขรถึงท่านน้ำนนทบุรี (ในช่วงเวลาเร่งด่วนไปท่าเรือปากเกร็ด) เที่ยวแรก เวลา 06.00 น. เที่ยวสุดท้าย เวลา 18.40 น. สอบถามรายะเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 0 2222 5330

แหล่งที่มา
www.kapook.com

วันศุกร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2554

พระธาตุขามแก่น

พระธาตุขามแก่น จ.ขอนแก่น
"ขอนแก่น" จังหวัดที่อยู่ทางจังหวัดที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 15 ของประเทศ แวดล้อมไปด้วยศักยภาพทางการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี จึงไม่ต้องแปลกใจหากใคร ๆ ก็มักเดินทางแวะเวียนไปสัมผัสกับความงดงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ในจังหวัดขอนแก่น

พระธาตุขามแก่น
สร้างขึ้นประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 25 ตั้งอยู่ในวัดเจติยภูมิ ตำบลบ้านขาม ตามประวัติโดยย่อกล่าวว่า โมริยกษัตริย์ เจ้าเมืองโมรีย์ซึ่งเป็นเมืองอยู่ใน อาณาเขตของประเทศกัมพูชา มีความประสงค์ที่จะนำพระอังคารของพระพุทธเจ้า ที่พระองค์ได้ไว้เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าปรินิพพานใหม่ ๆ มาบรรจุ ณ พระธาตุพนม จึงโปรดให้พระอรหันต์และพระเถระเจ้าคณะรวม 9 องค์นำขบวนอัญเชิญพระอังคารมาในครั้งนี้ เมื่อผ่านมาถึงดอนมะขามแห่งหนึ่ง ซึ่งมีต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่น เนื่องจากเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว และบริเวณนี้ภูมิประเทศราบเรียบดีจึงหยุดคณะพักชั่วคราว

พระธาตุขามแก่น จ.ขอนแก่น
รุ่งเช้าจึงเดินทางต่อไปถึงภูกำพร้าปรากฏว่า พระธาตุพนมได้สร้างเสร็จแล้ว จึงเดินทางกลับและตั้งใจว่าจะนำพระอังคารธาตุ กลับไปประดิษฐานไว้ที่บ้านเมืองของตน แต่เมื่อเดินทางผ่านดอนมะขามอีกครั้ง ปรากฏว่าแก่นมะขามที่ตายแล้วนั้นกลับ ยืนต้นแตกกิ่งก้านผลิใบเขียวชอุ่มเป็นที่น่าอัศจรรย์ คณะอัญเชิญพระอังคารธาตุจึงพร้อมใจกันสร้างเจดีย์ครอบต้นมะขามนี้ พร้อมกับนำพระอังคารธาตุและพระพุทธรูปบรรจุไว้ในองค์พระธาตุ และให้นามว่า พระธาตุขามแก่น มาจนทุกวันนี้

พระธาตุขามแก่นถือว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญของจังหวัดขอนแก่น ทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 จะมีงานฉลองและนมัสการพระธาตุเป็นประจำ บริเวณด้านข้างก็จะมีโบสถ์สมัยโบราณ ซึ่งมีสถาปัตยกรรมของการแกะสลักไม้ตรงบริเวณหน้าจั่วที่สวยงาม พร้อมชมภาพวาดแปลกตาที่มีทหารยืนเฝ้าด้านหน้าประตูโบสถ์

วันจันทร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2554

สามแพร่ง วังเก่าในอดีต

สามแพร่ง วังเก่าในอดีต 
แพร่งภูธร แพร่งนรา และแพร่งสรรพศาสตร์ ล้วนแล้วแต่เคยเป็นวังที่ ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยแพร่งภูธรตั้งชื่อตาม พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทวีถวัลยลาภ กรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่ หัวและเจ้าจอมมารดาตลับ เมื่อพระองค์สิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ.2440 จึงได้ขายวังให้กับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

ปัจจุบันแพร่งภูธร เป็นแหล่งที่ตั้งของร้านอาหารขึ้นชื่อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านบะหมี่แพร่งภูธร ร้านอุดมโภชนา เปิดขายข้าวหมูแดง ข้าวสตู ข้าวหน้าแกงกะหรี่มา กว่า 70 ปี ร้านไอติมกะทิโบราณนัฐพรที่เราติดใจไอศกรีมนมรสชาติหวาน มันจนไปทีไรอดสั่งเพิ่มไม่ได้ทุกที อีกหนึ่งร้านที่นักชิมเริ่มจะบอกต่อ ๆ กันก็ คือร้านปอเปี๊ยะสองหมวย ซึ่งมีเมนูพิเศษปอเปี๊ยะห่อไข่อัดไส้ข้างในไว้ เพียบ และปิดท้ายด้วยร้านขายต้มยำสมองหมูที่หาทานกันไม่ได้ง่าย ๆ จึงมีลูกค้าทั้งขาจรและขาประจำแวะเวียนกันมาทานจนแน่นร้านทั้งวัน

แพร่งภูธร แพร่งนรา และแพร่งสรรพศาสตร์
ทางซ้ายของแพร่งภูธรคือถนนแพร่งนรา แพร่งนี้ตั้งชื่อตามพระเจ้าบรมวงศ์ เธอ กรมพระยานราธิปประพันธ์พงศ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้าจอมมารดาเขียน แพร่งนรานี้มีอาคารหลังเก่าที่ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ได้แก่ โรงเรียนตะละภัฏศึกษา ที่เป็นส่วน หนึ่งของโรงละครปรีดาลัย โรงมหรสพแห่งแรกของกรุงเทพฯ ที่พระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมพระยานราธิปประพันธ์พงศ์โปรดให้สร้างขึ้น แพร่งนรานี้มี ร้าน "ขนมเบื้องแพร่งนราร้านเดิม" ซึ่งใช้สูตรขนมเบื้องจากต้นเครื่องชาววัง แป้งของที่นี่จึงทั้งทั้งหอมทั้งกรอบ ส่วนไส้ก็รสชาติกลมกล่อมน่าลองทั้ง ไส้หวานและไส้เค็ม

แพร่งสุดท้ายเดินเลี้ยวซ้ายจากแพร่งนรามาไม่ไกล แม้ว่าจะมองไม่เห็นตึก เก่าตั้งขนานอยู่เต็ม 2 ฟากถนนเหมือนสองแพร่งแรก แต่ตรงหน้าแพร่ง สรรพศาสตร์ยังคงหลงเหลือซุ้มประตูรูปแบบศิลปะตะวันตก ซึ่งเคยเป็นซุ้มประตูของวังสรรพสาตรศุภกิจ ที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ ผู้บังคับบัญชากรมช่างใน พระบรมมหาราชวัง ต่อมาใน พ.ศ. 2510 วังนี้เกิดเพลิงไหม้เสียหายจนหมด คงเหลือแต่ซุ้มประตูวัง และมีการสร้างตึกแถวสมัยใหม่ขึ้นมาแทน

ใครที่อยากไปชิมอาหารอร่อย ๆ ราคาไม่แพง แถมยังอิ่มบรรยากาศสุด คลาสสิก น่าจะลองมาเดินเล่นแถว "สามแพร่ง" นี้ดูสักครั้ง (แต่ร้าน อาหารส่วนใหญ่จะปิดวันอาทิตย์) เดินเที่ยวเสร็จแล้วจะเลยไปไหว้พระที่โบสถ์พราหมณ์ ศาลเจ้าพ่อเสือ และวัดสุทัศน์ก็ได้เพราะเดินไม่ไกล มาเที่ยวครั้งนี้จะได้อิ่มท้อง อิ่มบุญ และอิ่มอกอิ่มใจในคราวเดียว

วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

บ้านตุ๊กตาบางกอกดอลล์

บ้านตุ๊กตาบางกอกดอลล์ และตุ๊กตานานาชาติ
บ้านตุ๊กตาบางกอกดอลล์ และตุ๊กตานานาชาติ ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 85 ซอยแยกรัชฏภัณฑ์ (ซอยหมอเหล็ง) ถนนราชปรารภ ก่อตั้งโดยคุณหญิงทองก้อน จันทวิมล เมื่อปี พ.ศ. 2499 หลังจากกลับจากเรียนประดิษฐ์ตุ๊กตาจากโรงเรียนโอซาวาดอลล์ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อประดิษฐ์ตุ๊กตาของไทยออกเผยแพร่ ตุ๊กตาของที่นี่เป็นที่รู้จักกันดีของนานาชาติตลอดจนนักสะสมตุ๊กตาทั้งหลาย เนื่องมาจากความสวยงามของตุ๊กตาที่ประดิษฐ์ออกมามีความเป็นเอกลักษณ์แบบไทย และเคยได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดตุ๊กตาพื้นเมืองนานาชาติครั้งที่ 3 ประจำปี พ.ศ. 2521 ที่ประเทศโปแลนด์ สถานที่แห่งนี้เป็นทั้งสถานที่จัดแสดงและโรงงานผลิตตุ๊กตาชนิดต่างๆ

ตุ๊กตาของ บ้านบางกอกดอลส์และตุ๊กตานานาชาติ เป็นที่รู้จักกันดีของนานาชาติ ตลอดจนนักสะสมตุ๊กตาทั้งหลาย เนื่องมาจากความสวยงามของตุ๊กตา ที่ประดิษฐ์ออกมามีความเป็นเอกลักษณ์แบบไทย อีกทั้งยังเคยได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดตุ๊กตาพื้นเมืองนานาชาติ ครั้งที่ 3 ประจำปีพ.ศ. 2521 ที่ประเทศโปแลนด์ เป็นเครื่องการันตีมาแล้วด้วย

ขณะเดียวกัน บ้านบางกอกดอลส์และตุ๊กตานานาชาติ เป็นทั้งสถานที่จัดแสดง และโรงงานผลิตตุ๊กตาชนิดต่าง ๆ ซึ่งการผลิตจะทำด้วยมือทุกขั้นตอน โดยใช้วัสดุภายในประเทศเป็นหลัก ตุ๊กตาที่ผลิตออกมามีด้วยกันหลายประเภท เช่น ตุ๊กตาโขน, ตุ๊กตาชาวเขาเผ่าต่าง ๆ, ตุ๊กตาแสดงถึงชีวิตตามชนบทของคนไทย ตลอดจนหัวโขนย่อส่วน นอกจากนี้ ภายในโรงงานมีห้องหนึ่งจัดแสดงตุ๊กตาที่ได้มาจากทั่วโลก จำนวนประมาณ 400 ตัว ซึ่งใช้เวลาสะสมเป็นเวลานานปี

การผลิตจะทำด้วยมือทุกขั้นตอนโดยใช้วัสดุภายในประเทศเป็นหลัก ตุ๊กตาที่ผลิตออกมามีด้วยกันหลายประเภท อาทิเช่น ตุ๊กตาโขน ตุ๊กตาชาวเขาเผ่าต่างๆ ตุ๊กตาแสดงถึงชีวิตตามชนบทของคนไทย ตลอดจนหัวโขนย่อส่วน นอกจากนี้แล้วที่มุมหนึ่งภายในโรงงานเป็นที่จัดแสดงตุ๊กตาที่ได้มาจากทั่วโลก จำนวนประมาณ 400 ตัวซึ่งเป็นผลจากการใช้เวลาสะสมเป็นเวลานาน เปิดให้เข้าชมทุกวันจันทร์-เสาร์ เว้นวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. โดยไม่เก็บค่าเข้าชม โทร. 0 2245 3008

วันจันทร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2554

9 สิ่งมหัศจรรย์ วัดโพธิ์

วัดโพธิ์
9 สิ่งมหัศจรรย์วัดโพธิ์เป็นความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนและสถาบันศาสนา และสร้างจิตสำนึกและความภาคภูมิใจในความเป็นไทย อีกทั้งอนุรักษ์วิถีความเป็นอยู่และศิลปวัฒนธรรมไทยรวมทั้งสร้างกิจกรรมส่ง เสริมการท่องเที่ยวในยามค่ำคืนในเขตโบราณสถานในกรุงเทพมหานคร

วัดโพธิ์
สิ่งมหัศจรรย์ทั้ง 9 สิ่งในวัดโพธิ์
1. มหัศจรรย์พระไสยาส พระพุทธรูปขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ โดยมีลักษณะพิเศษ คือ มีประดับมุกภาพมงคล 108 ประการที่พระบาท

2. มหัศจรรย์ตำราเวชเชตุพน ศาลาจารึกตำรานวดแผนโบราณ มีจิตรกรรมลายเส้นบอกตำแหน่งนวด นับเป็นบันทึกที่รวบรวมสรรพวิชาทั้งการแพทย์ การเมือง การปกครอง ประวัติการสร้างวัด และวรรณคดี นับเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ

3. มหัศจรรย์มหาเจดีย์ สี่รัชกาล เป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ 4 องค์ องค์พระเจดีย์นั้นเป็นแบบเจดีย์ย่อไม้สิบสอง ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ อันประกอบด้วย พระมหาเจดีย์ประจำรัชกาลที่ 1 – 4

4. มหัศจรรย์ต้นตำนานสงกรานต์ไทย คติความเชื่อตำนานสงกรานต์ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ให้จารึกลงในแผ่นศิลาติดไว้ที่วัดโพธิ์ เป็นเรื่องเล่าถึงความเป็นมาของประเพณีดังกล่าว โดยสมมุติผ่านเรื่องราวธรรมบาลกุมารและนางสงกรานต์ทั้งเจ็ดเทียบกับแต่ละวันในสัปดาห์

5. มหัศจรรย์มรดกโลกวัดโพธิ์ ซึ่งรัชกาลที่ 3 ทรงให้นำองค์ความรู้จากปราชญ์ของไทยเช่น ตำราการแพทย์ โบราณคดี วรรณกรรม โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอนฯลฯ จารึกลงบนแผ่นหินอ่อนประดับไว้ตามบริเวณผนังภายในวัดซึ่งความรู้ที่จารึก ไว้บนแผ่นศิลาในปัจจุบันรวมเรียกว่า ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน โดยองค์การยูเนสโกมีมติรับรองขึ้นทะเบียนศิลาจารึกพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เป็นเอกสารมรดกความทรงจำแห่งโลก

6. มหัศจรรย์ตำนานยักษ์วัดโพธิ์ บอกเล่าเรื่องราวตำนานเกี่ยวกับยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้ง ซึ่งทำให้เกิดท่าเตียนในปัจจุบัน

7. มหัศจรรย์ผ่านภพรัตนโกสินทร์ พระอุโบสถหลังเก่าของวัดโพธารามตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แต่ภายหลังการสถาปนาพระอุโบสถหลังใหม่ของวัดพระเชตุพนแล้ว จึงได้ลดฐานะเป็นศาลาการเปรียญ โดยภายในมี "พระพุทธศาสดา" ประดิษฐานเป็นพระประธาน

8. มหัศจรรย์วิจิตรพระพุทธเทวปฏิมากร ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธเทวปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งรัชกาลที่ 1 ทรงอัญเชิญมาจากวัดศาลาสี่หน้า ด้วยประสงค์ตั้งมั่นแน่วแน่ว่านี่จะเป็นพระนครอย่างถาวร

9. มหัศจรรย์ต้นตำรับนวดแผนไทย รัชกาลที่ 1 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้รวบรวมการแพทย์แผนโบราณและศิลปะวิทยาการครั้งกรุงศรีอยุธยาไว้ ทรงพระราชดำรินำเอาท่าดัดตนอันเป็นการพักผ่อนอิริยาบถแก้เมื่อยตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย และประยุกต์กับคติไทยที่ยกย่องฤษีเป็นครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาการต่าง ๆ เป็นรูปฤาษีดัดตน แสดงท่าไว้ที่วัด เพื่อให้ราษฎรทั่วไปได้ศึกษาเล่าเรียนและรักษาโรคได้อย่างกว้างขวาง

วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เกาะบุโหลนเล

เกาะบุโหลนเล 
หมู่บ้านชาวประมงเกาะบุโหลนเล ตั้งอยู่บริเวณอ่าวพังกาใหญ่และอ่าวพังกาเล็ก ทางด้านทิศเหนือของเกาะบุโหลนเล หมู่บ้านอยู่ห่างจากที่ตั้งแพนแซนรีสอร์ทประมาณ 15 นาที ไปทางเท้าที่ชาวบ้านใช้เดินทางไปมาระหว่างหมู่บ้านและชายหาดทางด้านทิศตะวันออก

ทางที่ตัดตัวเข้าไปในป่าเชิงเขา ผ่านต้นไม้ป่าหลากหลาย ป่าหวาย หรือต้นยางพาราขนาดใหญ่ที่ชาวบ้านได้ปลูกทิ้งไว้ รวมถึงต้นมะม่วงหิมพานต์ ต้นไม้ผลต่างๆ ในบางครั้ง คุณอาจจะเห็นสัตว์ป่าเล็กๆ เช่นกระรอก นกเงือก หรือตะกวด เข้ามาในสายตาตลอดเวลา

เกาะบุโหลนเล 
วิถีชีวิตของผู้คนในหมู่บ้าน ซึ่งส่วนมากเป็นเป็นชาวบ้านที่มีพื้นเพมาจากชาวเล ชนเผ่าผู้รักเสรี ที่เดินทางไปมาในท้องทะเลกว้าง แต่ต่อมาได้เปลี่ยนวิถีชีวิตมารับเป็นชาวบ้านของแถบนี้ไป ร้านค้าเล็กๆ 4-5 ร้านที่คุณสามารถเข้าไปใช้บริการได้ ชาวบ้านเกาะบุโหลนเลมีความเป็นมิตรและมีความความเป็นกันเองสูง

หากคุณเดินลัดเลาะไปทางสวนยางพาราที่ตั้งอยู่ระหว่างหมู่บ้านและแนวเกาะทางด้านทิศใต้ คุณจะสามรถเดินทะลุออกมายังอ่าวม่วง ที่ตั้งของหาดทรายรูปวงพระจันทร์ หาดทรายเป็นหาดที่แตกต่างออกไปจากหาดทรายทางด้านทิศเหนือ ทางทิศตะวันออกของหาดม่วงมีลำห้วยเล็กๆของเกาะ ในช่วงฤดูจับปลาหมึกของชาวประมงแถบนี้ชาวประมงจากแผ่นดินใหญ่จะเข้ามาตั้งแหล่งพักพิงชั่วคราวบริเวณนี้และใช้น้ำจากลำห้วยเพื่อการหุงหาอาหารและชำระล้างร่างกาย

คุณสามารถที่จะนั่งเรือชมรอบเกาะ ได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจที่ไม่สามารถเข้าถึงได้โดยทางเท้าเช่น ถ้ำรูจมูก บริเวณทิศเหนือเลยจากอ่าวพังกาน้อยไปถ้ำค้างคาวบริเวณหน้าผาสูงทางด้านทิศตะวันตกของเกาะ

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เกาะกระดาด

เกาะกระดาด
เกาะกระดาด ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ เกาะหมาก จังหวัดตราด มีพื้นที่ 1,200 ไร่ เป็นเกาะกลางทะเลกว้างที่มีสัณฐานแบนราบราวกับแผ่นกระดาษ แต่ที่ชื่อว่า เกาะกระดาด เพราะบนเกาะมี "ต้นกระดาด" ขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่า เกาะกระดาด

เกาะกระดาดเป็นเกาะที่มีความเป็นธรรมชาติมาก ไม่มีบ้านเรืออาศัยอยู่เพราะเป็นเกาะส่วนตัว ลักษณะของเกาะราบเรียบไม่มีภูเขา จึงเป็นที่มาของเกาะกระดาดเพราะเมื่อมองไกลๆจะพบว่าเกาะกระดาดราบเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ บางที่มาก็กล่าวว่ามาจากต้นกระดาดที่มีให้พบเห็นอยู่มากในอดีต ซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบขึ้นอยู่ตามชายหาดชื้นแฉะ ในปัจจุบันยังคงพอมีให้เห็นอยู่บ้างบนเกาะแห่งนี้

เกาะกระดาด
นอกจากหาดทรายขาวสะอาดและแนวประการังที่มีให้เที่ยวชมรอบเกาะแล้ว เกาะกระดาดยังมีจุดเด่นอยู่ที่ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เป็นทุ่งหญ้าสะวันนา ในช่วงฤดูฝนทุ่งหญ้าบนเกาะจะเขียวขจีสวยงาม ส่วนในช่วงฤดูร้อนทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลนับร้อยไร่มองดูงดงามไปอีกแบบ และยังมีฝูงกวางนับพันตัวที่ถูกปล่อยให้ดำรงชีวิตตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นฝูงกวางที่รัชกาลที่ 5 ทรงนำมาปล่อยบนเกาะเมื่อครั้งเสด็จมาสร้างโฉนดบนเกาะเพื่อซื้อเกาะก่อนที่ฝรั่งเศสจะเข้ามายึดครอง

"เกาะกระดาด" นับเป็นเกาะเดียวในประเทศไทยที่มีการออกโฉนดถูกต้องตามกฏหมายตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เนื่องจากฝรั่งเศสได้เข้ามา ล่าอาณานิคมในแถบเอเชียอาคเนย์ และพยายามยึดครองดินแดนของไทย เกาะกระดาดก็เป็นที่หมายหนึ่งของฝรั่งเศสด้วย รัชกาลที่ 5 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ออกโฉนดที่ดินของเกาะขึ้น
 

Travel around the world

Thai noodles and snacks

Statistic

Unseen Amazing Thailand Copyright © 2010 Blogger Template Sponsored by Trip and Travel Guide