แนะนำแหล่งท่องเที่ยวไทย ที่เที่ยวไทย ร่วมส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย ด้วยการเที่ยวเมืองไทย โดยรวบรวมข้อมูลและสถานที่ท่องเที่ยวประเทศไทย ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคนรักการท่องเที่ยวไทย

ท่องเที่ยวไทย

วันจันทร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

น้ำตกลงรู

น้ำตกลงรู จ.อุบลราชธานี
ธารน้ำบนลานหินทรายหลากไหลชั่วนาตาปี มีธรรมชาติเป็นตัวกำหนดให้พลังแห่งสายน้ำ ทำงานของมันไปในวัฏจักรแห่งกาลเวลา ความหมายของสายน้ำบนลานหินทรายนี้ อาจไม่มีเรื่องราวแปลกประหลาด หากไร้ซึ่งก้อนกรวดทรายที่พลังน้ำพัดเหวี่ยงหมุนวน สร้างหลุมกุมภลักษณ์ขึ้นที่เหนือเพิงผา ใครจะเชื่อว่า หลุมกุมภลักษณ์ที่ทะลุเพดานถ้ำจะกลายเป็นสายน้ำที่ลอดทะลุลงมา เรียกขานว่าน้ำตกลงรูคู่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม
น้ำตกลงรู จ.อุบลราชธานี

อุบลราชธานี
อุบลเมืองแห่งสุนทรี รับสุรีย์แรกอรุณ จังหวัดแรกของประเทศไทย ที่เห็นพระอาทิตย์ยามเช้า ก่อนที่อื่น ๆ ทุกวัน มีความมหัศจรรย์ขอภูมิประเทศหลากหลาย เช่น ผาแต้ม ภาพเขียนประวัติศาสตร์ และลานดอกไม้หน้าฝน เสาเฉลียง หินเทินหินรูปร่างประหลาด ซึ่งเป็นพื้นที่ภูมิประเทศ ที่เคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน น้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรู ก็เป็นความแปลกของลักษณะภูมิประเทศ นอกจากนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆอีก ได้แก่ ผาเจ็ก ผาเมย ผานาทาม ภูโลง สวนหิน ภูกระบอ ภูจ้อมค้อม น้ำตกห้วยพอก ฯลฯ

น้ำตกลงรู
วันเวลาที่แนะนำ
น้ำตกลงรูสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่ฤดูที่มีน้ำสวยงามคือช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนสิงหาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน

การเดินทาง
จาก อ.โขงเจียม ใช้ทางหลวงหมายเลข 2134 แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2112 ที่มุ่งสู่ อ.เขมราฐ ระหว่างทางจะผ่านน้ำตกแสงจันทร์ หรือน้ำตกลงรูที่ต้องแยกขวาเข้าไปอีกเล็กน้อย

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงาน ททท. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2
โทร. 0-4524-3770

วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เมเปิ้ลแดง ภูกระดึง

เมเปิ้ลแดงในป่าปิด
ภูกระดึง ภูอีสานตำนานแห่งการเดินทางของผู้คน เหลี่ยมผา ทุ่งหญ้า ป่าสนบนภูสูง คือมนต์เสน่ห์อันเป็นนิรันดร์ หากแต่ในวันฤดูหนาวที่อุณหภูมิเย็นเยียบ ใครจะเชื่อว่า ในผืนป่าปิดด้านเหนือ เมเปิ้ลกำลังผลัดใบเปลี่ยนสีแดงฉาน เล่าขานว่าเมืองไทยก็มีพันธุ์ไม้ชนิดนี้สวยงามไม่แพ้เมืองนอก

เมเปิ้ลแดงในป่าปิด ภูกระดึง จ.เลย

ภูกระดึง
ภูกระดึงเป็นขุนเขามหัศจรรย์แห่งเมืองเลย ด้วยสัณฐานหินทรายที่มียอดตัดเรียบ เกิดพื้นที่ราบกว้างใหญ่ 37,500 ไร่ อุดมไปด้วยทุ่งหญ้าในป่าสน มีหน้าผาที่สวยงาม หลายแห่งเช่น ผานกแอ่น ผาหมากดูก และผาหล่มสัก ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง ของภูกระดึง นอกจากนี้บนยอดภูกระดึงยังมีทุ่งดอกไม้ ป่าดิบ และป่าเบญจพรรณ การเดินทาง ท่องเที่ยวสะดวกสบาย มีที่กินที่พักพรั่งพร้อม ท่ามกลางบรรยากาศหนาวเย็น บนภูกระดึง มีพรรณไม้งดงามแปลกตาอยู่หลายชนิด ทั้งกุหลาบป่าสีแดง กุหลาบป่าสีขาว และเมเปิ้ลแดง ในป่าปิดอันลึกลับ เป็นภูผาแห่งตำนานการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย

วันเวลาที่แนะนำ
ชมเมเปิ้ลผลัดใบสีแดงสดตามริมธารน้ำใหญ่ป่าปิดได้ระหว่างฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม เหมาะสำหรับผู้ที่รักการผจญภัยเท่านั้น

การเดินทาง
ใช้ทางหลวงหมายเลข 201จากตัวจังหวัดเลย แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางสาย 2019 ผ่านตัวอำเภอภูกระดึง จังหวัดเลย จนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติภูกระดึงระยะทางราว 12 กิโลเมตร

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่ ททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 5
โทร. 0-4232-5406-7

วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ปราสาทหินพนมรุ้ง

ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์
ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์

ปราสาทหินพนมรุ้ง
ปราสาทหินพนมรุ้ง สถาปัตยกรรมอันเลื่องชื่อบนเส้นทางสายปราสาทหิน ตั้งตระหง่านผ่านวันเวลามาเนิ่นนาน งดงาม อ่อนช้อย แข็งแรงทรงพลัง สัมผัสได้ถึงความรุ่งเรืองในครั้งอดีตกาล ใครจะเชื่อว่า ปราสาทหินแห่งนี้ตั้งอยู่เหนือปากปล่องภูเขาไฟ และในวันเวลา เดียวของปีคือวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 5 แสงอาทิตย์จะทำมุมลอดทะลุประตู ทั้ง 15 บานของปราสาทได้อย่างพอดี

ปราสาทหินพนมรุ้ง
ตั้งอยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเทวสถานของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ตัวปราสาทสร้างอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว คำว่า “พนมรุ้ง” ในภาษาเขมรหมายถึง “ภูเขาใหญ่” แสดงถึงความอลังการของภูเขาไฟลูกนี้ ได้เป็นอย่างดี ปราสาทหินพนมรุ้งประกอบด้วยหมู่อาคารต่าง ๆ ตั้งเรียงรายจ
ากลาดเขาทางขึ้น ต่อเนื่องขึ้นไปจนถึงองค์ปรางค์ประธานบนยอด เปรียบได้ดั่งวิมาน ที่ประทับของพระศิวะ ส่วนทางเดินขึ้นทอดไปสู่สะพานนาคราช คล้ายดั่งจุดเชื่อมโยง โลกมนุษย์กับแดนสวรรค์ นับเป็นโบราณสถานฝีมือชั้นเลิศชิ้นหนึ่งที่แสดงถึง ความเจริญรุ่งเรืองในครั้งอดีตของอาณาจักรขอมโบราณ
ปราสาทหินพนมรุ้ง

วันเวลาที่แนะนำ
สามารถชมความมหัศจรรย์ของแสงอาทิตย์ส่องทะลุซุ้มประตู 15 บาน พร้อมกันได้ในช่วงเดือน เมษายน เวลาประมาณ 06.30 ถึง 7.30 น. ในวันขึ้น 15 ค่ำ ในส่วนของการเยี่ยมชมปราสาทหินพนมรุ้ง เปิดให้ชมทุกวันตามเวลาราชการ

การเดินทาง
จากตัวเมืองบุรีรัมย์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 219 เลี้ยวขวาต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 24 ไปอีกราว 20 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางย่อยแยกสู่อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อที่ ททท. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต1
โทร. 0-4421-3666, 0-4421-3030

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ทะเลแหวก จ.กระบี่

ทะเลแหวก
ทะเลแหวก จ.กระบี่

ทะเลแหวก หรืออีกนัยหนึ่งคือ สันทรายโผล่เพราะน้ำลด ทะเลแหวกเกิดจากสันทรายจากเกาะสามเกะคือเกาะไก่ ( เกาะใหญ่ที่เห็นในภาพ ) เกาะหม้อ และ เกาะทับ ทั้งสามเกาะนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ มีสันฐาณติดกันเมื่อคลื่นพัดทรายมาพบกันที่จุดนี้จึงทำให้เกิดเป็นแนวสันทรายเชื่อมเกาะทั้งสามเกาะนี้ให้ถึงกัน สันทรายนี้จะจมหายไปเมื่อน้ำขึ้นสูง เมื่อน้ำลดแนวสันทรายก็จะค่อยๆ โผล่ขึ้นมาเหมือนกับว่าแบ่งทะเลให้แยกออกกันเป็นสามส่วน

สันทรายจะโผล่ในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำสุด แต่ถึงแม้ว่าสันทรายจะไม่โผล่เราก็สามารถเดินเล่นได้ หาดทรายของทะเลแหวกนี้ขาวสะอาดน่าเล่นน้ำ ทุกครั้งที่น้ำท่วมสันทรายก็เหมือนเป็นการทำความสะอาดหาดทรายไปในตัว ขยะหรือเศษไม้ต่างๆ คลื่นซัดมาติดชายหาดก็จะหายไปตามคลื่นเมื่อน้ำขึ้น

ทะเลแหวก ควรมาชมในช่วงเวลาน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อน และหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวทะเลแหวกคือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นพฤษภาคม
ทะเลแหวก จ.กระบี่

จุดเด่น ของการเที่ยวชมทะเลจะแหวกคือการมาชมวิว ถ่ายภาพ ควรหลีกเลี่ยงการมาเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาล ทะเลแหวกจะมีคนเยอะเดินกันจนแน่นไปหมด ถ้าจะมาชมทะเลแหวกให้ประทับใจควรเลือกมาในช่วงวันหยุดธรรมดาๆ นอกจากชมวิวถ่ายภาพทะเลแหวกแล้วที่นี่ยังเป็นอีกชายหาดหนึ่งที่น่าลงเล่นน้ำ เพราะมีแนวหาดทรายกว้าง น้ำใส ปลาเยอะ แต่ถ้าจะมาเล่นน้ำก็แนะนำให้มาในช่วงวันหยุดธรรมดา ( เสาร์-อาทิตย์ ) หากมาวันหยุดเทศกาลคนเยอะไม่สนุก

การเดินทาง
ทะเลแหวก ไม่มีเรือโดยสาร การมาเที่ยวเกาะห้องต้องเช่าเรือมา มีทั้งเรือหางยาว และเรือ Speedboat ราคาขึ้นลงตามราคาน้ำมัน ราคาชัวร์ๆ สอบถามได้ที่ท่าเรืออ่าวนาง ประหยัดและสะดวกสำหรับคณะที่มากันเป็นหมู่คณะ

หรืออีกแบบหนึ่งคือ เที่ยวโดยซื้อแพคเก็จทัวร์ สะดวก ไม่ต้องติดต่ออะไรมาก ตอนเช้ามีรถไปรับถึงโรงแรม ตอนเย็นไปส่งกลับถึงโรงแรม หรือถ้าเดินทางมาโดยรถทัวร์ ลงรถแล้วรออยู่ที่ท่ารถ บขส. ตอน 8.00 - 8.15 น. จะมีรถไปรับถึงที่ท่ารถ คนเดียวหรือสองคนก็มาได้ รถจะวิ่งรับตามจุดไปเรื่อยๆ แล้วพามาลงเรือที่อ่าวนาง

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เชียงคาน จังหวัด เลย

เชียงคาน จ.เลย
เมืองเชียงคาน จ.เลย ในปัจจุบันเป็นเมืองโบราณเก่าแก่ในสายตาของนักท่องเที่ยว เป็นชุมชนที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาได้ยาวนานกว่า 100 ปี ซึ่งเพิ่งจะมีการจัดงานฉลอง "100 ปี เชียงคาน เมืองโบราณ ริมฝั่งโขง" ไปเมื่อวันที่ 4-6 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมานี้เอง เพื่อเป็นการอนุรักษ์ความเป็นเอกลักษณ์ให้คงอยู่สืบไป

เมืองเชียงคาน เมืองโบราณ.. บ้านไม้เก่าๆ ร้านกาแฟ มุมหนังสือเล็กๆ เท่านั้น แต่กลับมีนักท่องเที่ยวที่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว เดินเที่ยวกันให้เต็มไปหมด อาจจะด้วยเพราะเมืองเชียงคานนี้เงียบสงบ บรรยากาศดี ด้วยการที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์แต่ผสมผสานกับความเป็นสมัยใหม่ที่ไม่มากจนเกินไปได้อย่างลงตัวในแบบฉบับของเชียงคาน ผู้คนที่เชียงคานก็เป็นมิตร อัธยาศัยดี และการไปเที่ยวที่เชียงคานก็ไม่แพงจนเกินกำลัง ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าเชียงคานแห่งนี้ ก็จะเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น หลายๆ สิ่งที่เชียงคานอาจเปลี่ยนแปลงไป อย่างไรก็ตาม เชียงคานจะไม่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าเราทุกคนยังคงช่วยกันรักษาความเป็นเอกลักษณ์ ดำรงวิถีชีวิตในแบบของเชียงคานสืบไป ความเป็นเชียงคานที่คงความเป็นเอกลักษณ์ได้ยาวนานกว่าร้อยปี ก็จะเป็นเช่นเดิมตลอดไป

ใส่บาตรข้าวเหนียว
เชียงคาน อำเภอเล็ก อารยธรรมแห่งลุ่มน้ำโขง จากอาณาจักรล้านช้างในอดีต จากภูมิประเทศที่ติดชายแดนลาว ผู้คนที่นี่ทำการค้าขายกับคนลาวฝั่งตรงข้ามอยู่สม่ำเสมอตั้งแต่อดีตกาล ครั้นประเทศลาวตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ศิลปวัฒนธรรมการก่อสร้างบ้านเรือน อาหารการกิน คนที่นี่พลอยได้รับอารยธรรมฝรั่งเศสไปด้วย การคมนาคมนอกจากเรือ แล้ว จักรยานเห็นจะเป็นยานพาหนะยอดฮิตของผู้คนที่นี่ เราสามารถเห็นจักรยานรุ่นเก่าจอดเรียงอยู่หน้าบ้าน แถวเชียงคานอยู่ทั่วไป บ้านเรือทรงไทยโบราณเกือบร้อยปี หากใครมีฐานะหน่อยก็จะมีระเบียงหน้าบ้าน จนหน่อยก็มีแค่หน้าต่าง

วัฒนธรรมการใส่บาตรข้าวเหนียวยามเช้า ยังคงมีให้เห็นอยู่ พระที่นี่เดินบินฑบาตกันแต่เช้ามืด ประมาณ 6.00 น. ช่วงหน้าหนาวสว่างช้าหน่อยก็เดินกันตั้งแต่ 6.30 น. ทางหอการค้าท่องเที่ยว จ.เลย มีแผนการหลายอย่างที่จะอนุรักษ์ วัฒนธรรมความเป็นอยู่ สิ่งก่อสร้าง ภาษาท้องถิ่น ของผู้คนที่นี่ ปัจจุบันทางการกำลังทำถนนจาก อ.ท่าลี่ สู่ หลวงพระบาง ประเทศลาว ประมาณ 320 กม. ถือว่าสั้นและสะดวกที่สุดในการเดินทางโดยรถยนต์ โครงการนี้จะแล้วเสร็จ ประมาณปี 2556 ลัดเลาะสองฝั่งโขง แถวเชียงคานนี่เอง เป็นจุดเริ่มลำน้ำโขงที่มาบรรจบกับลำน้ำเหือง ไหลผ่านอีกหลาย อำเภอ ของอีกหลายจังหวัดของประเทศไทย ทิวทัศน์แปลกตา มีเกาะแก่งน้อยใหญ่ให้ดูชมตลาดเส้นทางที่คู่ขนานกับลำน้ำสายนี้อาหารการกิน ส่วนใหญ่เป็นจำพวกปลาต่างๆ จากแหล่งน้ำโขงนี่เอง
อ.เชียงคาน จ.เลย

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

อุทยานแห่งชาติทะเลบัน

อุทยานแห่งชาติทะเลบัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล
เป็นบึงขนาดใหญ่แวดล้อมด้วยป่าดิบและภูเขาหินปูน ซึ่งมีสายหมอกอ่อนๆ ปกคลุมทุกเช้า สร้างบรรยากาศที่ดูแล้วอาจจะทำให้น่ากลัว ยิ่งยามค่ำคืนทั่วทั้งดงดิบรอบหนองน้ำจะระงมด้วยเสียง "ว้าก ว้าก ว้าก ว้าก" ของจงโคร่งหรือเขียดว้าก สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำอันเป็นสัญลักษณ์ของผืนป่านี้ หากแท้ที่จริง 'ทะเลบัน' ผืนป่าดิบที่ชื่อคือทะเลแห่งนี้ กลับเป็นดินแดนดงดิบอันน่าทึ่งที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้
อุทยานแห่งชาติทะเลบัน จ.สตูล

พื้นที่ของอุทยานฯ 196 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ป่าหัวกะหมิง ป่ากุปัง ป่าปุโล้ต แลป่าควนย่อน้ำ ในเขตตำบลควนสตอ ตำบลเกตรี ตำบลบ้านควน ตำบลปูยู ภูเขาสลับซับซ้อนกันอย่างสวยงาม ได้แก่ เขาวังช้าง เขาหินร้อง เขาวังพะเนียด เขาจีน เขามดแดง เขาหาบเคย เขากวงใหญ่ เขากวงเล็ก เขาวังหมู เขาวังกลวง เขากายัง เขากล่ำ เขาปูยู และเขาวังกูนอง ยอดเขาที่สูงที่สุด ประมาณ 756 เมตรจากระดับน้ำทะเล บ้างก็เป็นเขาหินปูน หินดินดาน หินควอร์ตไซต์ หินแกรนิต หินแกรโนไดโอไรต์ มีการกัดเซาะตามธรรมชาติ ทำให้มีถ้าเกิดขึ้นหลายแห่ง สภาพป่าโดยรวมมีทั้งป่าดงดิบ ป่ารุ่น (ป่าเหล่า) อยู่ตรงกลางอุทยานฯ แถบทุ่งหญ้าวังประ ป่าชายเลน ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกของอุทยานฯ และด้วยความอุดมสมบูรณ์และมีภูมิประเทศหลากหลาย จึงมีสัตว์ป่านานาชนิดอยู่จำนวนมาก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยทั้งปี จะประมาณ 28 องศาเซลเซียส โดยจะร้อนถึง 39 องศาเซลเซียส ในช่วงเดือนเมษายน และลดลงต่ำสุดที่ 17 องศาเซลเซียส ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยจะมีฝนตกเกือบทั้งปี และมีปริมาณมากในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน

แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในอุทยานฯ ได้แก่ ถ้ำโตนดิน ถ้ำลอดปูยู ทุ่งหญ้าวังประ น้ำตกยาโรย บึงทะเลบัน เป็นต้น ทั้งนี้ มีเส้นทางเดินสำหรับการศึกษาธรรมชาติ 2 เส้นทาง ระยะ 600 เมตร และ 1,300 เมตร และเส้นทางเดินป่าระยะ 14 กิโลเมตร
จากที่ทำการอุทยานไปหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ทบ. 2 (น้ำตกยาโรย)

ในพื้นที่อุทยานฯ มีบ้านพักบริเวณที่ทำการ-บึงทะเลบัน ในราคา 600 - 2,200 บาท ต่อ คืน ขึ้นอยู่กับประเภทห้องพัก โดยนักท่องเที่ยวต้องสำรองที่พักล่วงหน้าที่ 0 2562 0760
ทะเลบัน จ.สตูล

การเดินทาง
จากตัวเมือง ใช้เส้นทางหมายเลข 406 (สตูล-รัตภูมิ) สู่ อำเภอควนโดน แยกเข้า ตำบลวังประจัน ตามถนนสายชายแดนไทย-มาเลเซีย หมายเลข 4184 ระยะทางจากตัวเมืองประมาณ 39 กิโลเมตร
 

Travel around the world

Thai noodles and snacks

Statistic

Unseen Amazing Thailand Copyright © 2010 Blogger Template Sponsored by Trip and Travel Guide